เพิ่มความสูง เสริมภูมิคุ้มกัน ด้วย Vita Beans by Mommy Booster !!!

✨1 กระปุกมี 60 กัมมี่ ซื้อวันนี้ราคาพิเศษเพียง 990 บาท จากปกติ 1200 !

วิธีเพิ่มความสูงลูก ได้ผลชัวร์..เสริมสร้างการเติบโตอย่างสมวัย

แม้ว่าเรื่องความสูงจะเป็นเรื่องของสรีระวิทยา แต่ความสูงก็สามารถส่งผลต่อปัจจัยในการดำเนินชีวิตได้หลายประการ ความสูงจะช่วยส่งเสริมเรื่องของบุคลิกภาพของบุคคลแต่ละคนได้เป็นอย่างดี สร้างความมั่นใจและมีบุคลิกภาพที่โดดเด่น ซึ่งก็จะทำให้บุคคลมีความมั่นใจ นอกจากนี้ความสูงยังช่วยสร้างโอกาสในทางอาชีพเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าการตัดสินใจเรื่องความชอบและเลือกอาชีพจะเป็นช่วงวัยโต แต่การส่งเสริมให้เด็กมีความสูงจะช่วยให้เพิ่มโอกาสหรือสร้างทางเลือกให้มีมากขึ้นนั้นเอง เช่น อาชีพนางแบบ นายแบบ แอร์โฮสเตส หรือนักกีฬาบางประเภท เป็นต้น ดังนั้น การที่พ่อแม่ช่วยส่งเสริมเรื่องความสูงของลูกตั้งแต่วัยเด็กจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้เกิดการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเสริมสร้างการเจริญเติบโตได้ดีกว่าช่วงวัยรุ่น หรือวัยที่โตแล้ว เรียกง่าย ๆ ว่า จะมาอยากสูงตอนโตก็สายเสียแล้ว 

พ่อแม่เตี้ย อยากให้ลูกสูง ทำได้จริงไหม?

             ปัจจัยเรื่องกรรมพันธุ์ความสูงเป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคนกังวล เพราะคนที่ต้องการหาวิธีเพิ่มความสูงลูกนั้นก็มักจะไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวหรือกรรมพันธุ์ที่สูงกันมาก่อนอยู่แล้ว ทำให้เกิดความกังวลว่าเด็กจะไม่สูง

                ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ากรรมพันธุ์จากพ่อแม่เป็นหนึ่งในสาเหตุปัจจัยส่งผลต่อเรื่องความสูงของลูก เพราะลูกก็จะได้รับเอายีนส์และ DNA ของพ่อแม่มานั้นเอง หากพ่อแม่สูงโอกาสที่ลูกจะสูงก็มีมาก หากพ่อแม่เตี้ยโอกาสที่ลูกจะเตี้ยก็มีมากเช่นกัน แต่หากมีฝ่ายใดฝ่านหนึ่ง คือ มีพ่อหรือแม่สูง โอกาสที่ลูกจะสูงก็จะอยู่ระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม ฟังอย่างนี้แล้วหลายคนที่เป็นพ่อแม่เตี้ยกันทั้งคู่ก็อาจจะท้อและคงหมดหวังที่จะหาวิธีเพิ่มความสูงลูก แต่อย่าพึ่งถอดใจไป! เพราะเรื่องของการเสริมสร้างความสูงของลูกนั้นยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมาย ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ให้ได้รับแคลเซียมที่มากเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันก็ได้ค้นพบการนำ calcium L-threonate ซึ่งถือได้ว่าเป็นแคลเซียมที่มีคุณภาพดีกว่าแคลเซียมทั่วไปมาสกัดรับประทานแล้วด้วยเช่นกัน โดยได้รับความนิยมในวงกว้างในประเทศสหรัฐอเมริกา

รวม เคล็ด (ไม่) ลับ วิธีเพิ่มความสูงลูก ได้ผลชัวร์

                รู้หรือไม่? วิธีเพิ่มความสูงลูกไม่ได้อยู่ที่กรรมพันธุ์อย่างเดียว แต่การส่งเสริมปัจจัยอื่นก็ช่วยให้ลูกสามารถสูง เติบโตแข็งแรงตามวัยได้ด้วยเช่นกัน และวันนี้เราก็ได้นำเคล็ด (ไม่) ลับ ที่จะช่วยเป็นคู่มือให้กับพ่อแม่ได้เตรียมตัวเพื่อเพิ่มความสูงให้ถูกต้องตามวัย จะมีวิธีเพิ่มความสูงลูกอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลย

 

 

เลือกอาหารที่มีโภชนาการที่ดี ส่งเสริมในเรื่องการเติบโต

เมื่อเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปจนถึง 6 ขวบจะเป็นช่วงวัยเด็กที่พ่อแม่จะต้องเลือกหาสารอาหารที่มีโภชนาการสูงเพราะเด็กจะยังไม่สามารถแยกแยะเองได้ว่าอาหารแบบไหนดีและมีประโยชน์

อาหารที่ควรทาน ได้แก่ อาหารจำพวก โปรตีน เช่น นม เนื้อสัตว์ ไข่ ซึ่งควรฝึกให้เด็กดื่มนมอยู่เป็นประจำ เพราะร่างกายต้องการแคลเซียมมาใช้ประโยชน์  และเรายังคงสามารถได้รับแคลเซียมโดยการทานพวกธัญพืชเสริม เช่นพวกเมล็ดงา ,ถั่วขาว ,ถั่วแระ ,อัลมอนด์ รวมไปถึงพวกปลาตัวเล็กๆที่สามารถทานได้ทั้งตัว และพวกผักใบเขียวต่างๆ เช่น คะน้า ,บร็อคโคลี่  รวมไปถึงการเลือกกินอาหารที่มีวิตามิน D ร่วมด้วย เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้นไปอีก

การส่งเสริมการพักผ่อนอย่างเพียงพอ

พ่อและแม่จะต้องมีการฝึกให้ลูกมีวินัยในการนอนหลับ เข้านอน ตื่นนอน ให้เป็นเวลา เพื่อช่วยส่งเสริมเรื่องพัฒนาการเจริญเติบโต ซึ่งเวลานอนของเด็กเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก ควรพักผ่อนได้เต็มอิ่มทุกวัน วันละ 8-10 ชั่วโมง ควรฝึกให้นอนหลับยาวเพื่อสร้างการนอนที่มีคุณภาพ ให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะเด็กถือว่าเป็นวัยที่ต้องการพักผ่อนเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต หากทานอาหารที่มีโภชนาการสูงแค่ไหนแต่ถ้าเด็กไม่ได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ ร่างกายจะไม่สามารถหลั่งโกรทฮอร์โมนและฮอร์โมนสำคัญต่าง ๆ เพื่อมาเสริมสร้างสมองและการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้เด็กโตช้า ตัวลีบผอม ส่งผลเรื่องพัฒนาการบกพร่องไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้ไม่ดีตามมาอีกมากมาย อาจจะมีส่วนทำให้เด็กมีโรคประจำตัวและเจ็บป่วยได้ง่ายด้วยเช่นกัน 

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต

พ่อแม่หลายคนเข้าใจว่าแค่ปล่อยลูกเล่นย่างเต็มที่ก็เพียงพอ อันที่จริงแล้วหากฝึกให้เด็กออกกำลังกายอย่างถูกวิธีควบคู่กันไปจะมีส่วนช่วยทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ประเภทของกีฬาที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของร่างกายให้สูงขึ้นได้ดี ได้แก่ ว่ายน้ำ โหนราว วิ่ง ขี่จักรยาน กีฬาที่ต้องกระโดด เช่น บาส กระโดดเชือก ซึ่งควรหมั่นออกกำลังทุกวัน วันละประมาณ 30-60 นาที และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความสูงและการเติบโตของเด็ก

  1.   เลือกปรึกษาแพทย์หากพบความผิดปกติ

หากเราได้ส่งเสริมพัฒนาอย่างเหมาะสมตามวัยหมดแล้ว แต่พบว่าลูกไม่โตตามวัย ซึ่งบางครั้งการเดินทางไปพบแพทย์อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องความผิดปกติเสมอไป เพราะพ่อแม่หลายคนก็เลือกปรึกษากุมารแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ตรวจสุขภาพเด็กอย่างละเอียดจะได้สามารถส่งเสริมพัฒนาในแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการตรวจเกี่ยวกับเด็กนั้นก็จะทราบได้ถึงเรื่องของอายุกับพัฒนาการทางร่างกายว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เป็นไปตามเกณฑ์ของเด็กวัยนั้นหรือไม่ พ่อแม่สามารถปรับรูปแบบการออกกำลังกายและเลือกอาหารให้เหมาะสมกับลูกได้มากขึ้นด้วย เพราะจะทราบถึงปริมาณฮอร์โมนในร่างกาย ระบบต่อมไร้ท่อว่ามีการทำงานอย่างไรบ้างอีกด้วย

  1.     รับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ หรือ เสริมแคลเซียมเพื่อเพิ่มความสู

                แคลเซียมพบมากใน นม, กุ้งแห้ง, กะปิ, ปลาเล็กปลาน้อย, ปลาสลิด, หอยนางรม, ผักใบเขียวที่มีลักษณะแข็งแต่ปกติแล้วเรามักไม่สามารถรับประทานแคลเซียมจากหารได้เพียงพอ การรับประทานแคลเซียมเสริมจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูง รู้หรือไม่ว่าแคลเซียมที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้มีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่ทำไมจู่ ๆ คนถึงหันมาให้ความสนใจกับ แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต (calcium L-threonate) เรามาดูแคลเซียมที่มีทั้งหมดตอนนี้กันเลย


  1. แคลเซียมอนินทรีย์

  • แคลเซียมคาร์บอเนต(calcium carbonate) ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยเพียง 10%เท่านั้น และต้องมีกระเพาะอาหารที่อยู่ในภาวะเป็นกรดเท่านั้นถึงจะถูกซึมได้ดี และมีผลข้างเคียงคือทำให้ท้องผูก


  1. แคลเซียมอินทรีย์

  • แคลเซียมซิเตรต (calcium citrate) แคลเซียมที่ทำมาจากนม และดูดซึมได้ดีเมื่อกระเพาะอาหารเป็นกรด ซึ่งจริง ๆ แล้วร่างกายจะดูดซึมได้เพียง 50%และหากแคลเซียมซิเตรตสะสมอยู่ที่ปอดเยอะจะสามารถก่อให้เกิดกินปูนได้อีกด้วย

  • แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต (calcium L-threonate) รูปแบบแคลเซียมที่สกัดมาจากวิตามินซีของข้าวโพด ซึ่งจะไม่มีส่วนผสมของนม คนที่แพ้นมสามารถรับแคลเซียมตัวนี้ได้ดี ซึ่งรูปแบบcalcium calcium L-threonate กำลังเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก เพราะร่างกายเราสามารถดูดซึมแคลเซียมชนิดนี้ได้สูงสุดมากถึง 95% เพราะเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก มีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่กระเพาะว่าง หรือเป็นสภาวะเป็นกรดก็ดูดซึมได้ง่าย

เด็กแต่ละวัย ควรรับประทานแคลเซียมเท่าไหร่?

 – ช่วงอายุ 6 เดือนแรก ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม/วัน

 – ช่วงอายุ 6 เดือน – 1 ปี  ควรได้รับแคลเซียม 260 มิลลิกรัม/วัน

 – ช่วงอายุ 1-3 ปี ควรได้รับแคลเซียม 700 มิลลิกรัม/วัน

 – ช่วงอายุ 4 – 8 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม/วัน

 – ช่วงอายุ 9 -18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม/วัน

 

Calcium L-threonate ทางเลือกของเด็กแพ้นม? ที่อยากเพิ่มความสูงด้วยแคลเซียม

                พ่อแม่หลายคนเชื่อว่าการจะส่งเสริมให้ลูกสูงจะต้องให้ลูกดื่มนมเยอะ ๆ แต่ก็มีเด็กจำนวนไม่น้อยเลยที่พบว่าเป็นเด็กที่แพ้นม บางคนอาจจะแพ้นมบางชนิด เช่น นมวัว เป็นต้น ซึ่งกลุ่มของเด็กที่แพ้นมก็สามารถรับสารอาหารรวมทั้งแคลเซียมจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นทดแทนได้เช่นกัน ทั้งนี้ การเลือกขนมเด็กแพ้นมก็จะต้องเป็นงานหลักที่พ่อแม่จะต้องมีความใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะนมมักจะอยู่ในส่วนผสมของอาหารหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันสำหรับการเลือกอาหารหรือผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้เด็กได้รับแคลเซียมนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมาจากนมอีกต่อไปแล้ว เพราะได้มีการค้นพบ calcium L-threonate ซึ่งเป็นรูปแบบแคลเซียมที่กำลังโด่งดังอย่างมากในขณะนี้ มีการสกัด calcium L-threonate มาใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อให้คนที่ขาดแคลเซียมหรือผู้ที่ต้องการแคลเซียมได้ทานโดยตรง เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องไปนั่งดื่มนมหมดไปหลายลิตรก็สามารถรับแคลเซียมจาก calcium L-threonate  ได้เลยโดยตรง 

เทียบแคลเซียมทั่วไป ทำไมคนถึงเลือก แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ?

แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าแคลเซียมชนิดอื่นๆ สามารถรับประทานตอนท้องว่างได้ ดูดซึมได้ เกือบ100%  ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง ยับยั้งการสลายตัวของกระดูกบริเวณข้อต่อและกระดูกอ่อน ช่วยปรับปรุงกระบวนการสร้างเซลล์กระดูกให้แข็งแรงขึ้น  เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมส่วนใหญ่ในท้องตลาดที่ใช้คือ Calcium Carbonate  ที่มีราคาถูกแต่ ร่างกายจะ ดูดซึมไปใช้ได้ เพียง10% เท่านั้น ถึงแม้จะรับประทานในจำนวนมากก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ และมีผลข้างเคียงคือ ท้องอืดท้องผูก อีกด้วย  หรือแคลเซียมนำเข้าบางยี่ห้อที่มีส่วนผสมของ Calcium  Citrate ร่างกายก็จะดูดซึมไปใช้ได้เพียง 50% เท่านั้นและต้องกินพร้อมอาหาร เพราะร่างกายจะดูดซึมไปใช้ได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะเท่านั้น  และหากทานมากไปจะสามารถก่อให้เกิดกินปูนได้อีกด้วย

Vita Beans by Mommy Booster ที่มีส่วนผสมหลักคือ Calcium L-threonate  ดีกับเด็กๆอย่างไร ?

ปกติการจะทานแคลเซียมได้ มักจะมาในรูปแบบของเม็ดแคปซูลหรือเม็ดฟู่ซึ่งเหมาะกับผู้ใหญ่ทานเสียมากกว่า ทำให้ทานได้ยากสำหรับเด็ก  แต่ทางแบรนด์ Mommy Booster ก็ได้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการพัฒนาการของเด็กเพื่อให้ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ จึงได้มีผลิตภัณฑ์ Vita Beans by MommyBooster มาในรูปแบบเยลลี่เสริมแคลเซียม ที่มีสารสกัดของ calcium L-threonate  บรรจุในเยลลี่เสริมแคลเซียมโดยตรง รสชาตอร่อย ทำให้เด็กเพลิดเพลินกับการทานเยลลี่เสริมแคลเซียมได้เหมือนกับการทานขนมทั่วไปได้อีกด้วย เด็กที่แพ้นมสามารถทานเป็นขนมเด็กแพ้ได้  เรียกได้ว่าทานง่ายอร่อยและมีประโยชน์เต็ม ๆ

เยลลี่เสริมแคลเซียม Vita Beans by Mommy Booster เพียง 2 ชิ้น จะมีปริมาณแคลเซียมเทียบเท่ากับดื่มนม 1 แก้วเลยทีเดียว ทั้งนี้นอกจากในเยลลี่เสริมแคลเซียมจะมี สารสกัดที่มาจากแคลเซียมอย่าง calcium L-threonate  แล้ว ยังมี วิตามินซี ,วิตามินดี ,ซิงก์ เยลลี่เสริมแคลเซียม Vita Beans by Mommy Booster 2 ชิ้นประกอบด้วย CALCIUM 131 mg. Vitamin C 37 mg.  VitaminD 3.34 mg. Zinc 1.34 mg 

Vita Beans by Mommy Booster ประโยชน์เน้นๆ จัดเต็มเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความสูง

– เสริมสร้างร่างกายด้วยแคลเซียม calcium L-threonate  ซึ่งเป็นแคลเซียมโมเลกุลขนาดเล็กที่มาจากกระบวนการสกัดจากวิตามินซีในข้าวโพด ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เกือบ 100%

– เป็นแคลเซียมทดแทนสำหรับเด็กแพ้นม เพราะไม่มีส่วนผสมของนม สามารถทานเป็นขนมเด็กแพ้นมได้

– ผสมวิตามิน D ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมไปใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุก

– เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยวิตามินที่จำเป็นคือ วิตามิน C และ Zinc

– มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ

– ช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็ก

– มาในรูปแบบของเยลลี่เสริมแคลเซียม ช่วยให้เด็กสนุก เพลิดเพลิน เคี้ยวง่าย ไม่มีเบื่อ และได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ รสชาติอร่อย หอมหวานจากธรรมชาติ      

อย่ามัวแต่ชะล่าใจ ถ้าไม่ใส่ใจโภชนาการอาจทำให้เด็กขาดแคลเซียม !!

                เรื่องการขาดแคลเซียมในเด็กถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย เพราะการจะส่งเสริมให้เด็กได้รับแคลเซียมจะต้องมาควบคู่กับเรื่องของการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นอุปสรรคทำให้เด็กขาดแคลเซียมด้วยเช่นกัน และสาเหตุหลักที่เด็กไม่ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ มีดังต่อไปนี้

  • ร่างกายขาดวิตามินดี ซึ่งวิตามินดีมีส่วนช่วยในกระบวนการเสริมสร้างกระดูก รวมทั้งการดูดซึมเอาแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ร่างกายมีกรดไฟทิก (Phytic Acid) และกรดออกซาลิก (Oxalic Acid) ที่มากเกินไป ซึ่งกรดไฟทิก จะพบกรดนี้ได้บ่อยกับกลุ่มอาหารจำพวกถั่วและธัญพืช และร่างกายจะสร้างกรดออกซาลิกหากได้รับวิตามินซีมากเกินไป ทั้งสองกรดนี้หากมากเกินไปจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายน้อยลง

  • กินเค็มมากไป การติดเค็มหรือให้เด็กรับประทานอาหารรสจัดบ่อย ๆ จะทำให้ร่างกายเสียสมดุลและความเค็มจะขับแร่ธาตุสำคัญออกจากร่างกายรวมทั้งขับแคลเซียมออกไปด้วย จึงควรเลี่ยงการให้เด็กทานขนมขบเคี้ยวที่ไม่มีประโยชน์บ่อย ๆ เพราะจะสะสมโซเดียมมาก รวมทั้งเลี่ยงให้เด็กกินอาหารเค็มแบบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

  • เป็นโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคไตหรือโรคทางเดินอาหาร เป็นต้น จะทำให้การดูดซึมแคลเซียมในเด็กไม่สามารถทำได้อย่างเป็นปกติ ร่างกายอาจจะขับแคลเซียมที่ได้รับจนหมด จึงควรปรึกษาและพบแพทย์เพื่อให้เด็กสามารถทานอาหารได้อย่างเหมาะสม

ประเด็นนี้มีส่วนทำให้พ่อแม่สามารถเลี่ยงสาเหตุอันเป็นอุปสรรคไม่ดีที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็จะมีทั้งปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับทางอ้อม นอกจากนี้เรื่องพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเด็กก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเช่นกัน พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกได้รับการพักผ่อนอย่างคุณภาพ ไม่นอนดึก นอนเต็มอิ่ม 8-10 ชั่วโมง ฝึกให้เด็กออกกำลังกายให้เป็นนิสัย สำหรับเด็กเล็กพ่อแม่ควรทำกิจกรรมกับเด็กและออกกำลังกายไปพร้อมกับลูก และควรเลือกอาหารที่มีโภชนาการสูง เน้นโปรตีน

นอกจากนี้อย่าลืมเสริมสร้างแคลเซียมในเด็กด้วยของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีแคลเซียม calcium L-threonate  จาก Vita Beans by Mommy Booster เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะได้รับ แคลเซียมในแต่ละวันมากเพียงพอ แคลเซียมที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มาในรูปแบบที่เด็ก ๆ ชอบ อย่างเยลลี่เสริมแคลเซียมนั้นเอง ช่วยให้เด็กเคี้ยวเพลิน เคี้ยวสนุก เคี้ยวได้ทุกที่ทุกเวลา ที่สำคัญ calcium L-threonate  จาก Vita Beans มีวิตามินสำคัญอื่น ๆ ที่อยู่ในเยลลี่เสริมแคลเซียม ได้แก่ วิตามินดี, วิตามินซี และซิงก์ ที่จะช่วยเรื่องการดูดซึมแคลเซียมในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ  มั่นใจได้ว่าแคลเซียม calcium L-threonate  ที่ได้รับประทานเข้าไปจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายได้เป็นอย่างดี และสำหรับเด็กที่มีประวัติการแพ้นมก็สามารถทานได้ เพราะเป็นรูปแบบของเยลลี่เสริมแคลเซียมที่ไม่ได้สกัดจากนม ทานง่ายรสชาตอร่อย ทานเป็นขนมที่มีประโยชน์สำหรับเด็กๆ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่มาอ้างอิง

  • ทำอย่างไรให้ลูกตัวสูง”. โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์. 4 มี.ค. 2564. จากเว็บไซด์ www.synphaet.co.th/children-ramintra/ทำอย่างไรให้ลูกตัวสูง/
  • 10 วิธีเพิ่มความสูงแบบรวดเร็ว รู้แล้วรีบทำซะตั้งแต่วันนี้!”. 4 พ.ค. 2560. จากเว็บไซด์ https://www.thaiticketmajor.com/variety/lifestyle/6125/?gclid=CjwKCAiAv_KMBhAzEiwAs-rX1O1EMto4p9zlwoB6yAzQePelsMfcNhfalFGdezE_6kqgvjGShMWUgBoC5S4QAvD_BwE.
  • อย่ารอช้า ถ้าอยากให้ลูกสูง!!! วิธีเพิ่มความสูงให้ลูกน้อยอย่างสมวัย” . 3 มิถุนายน 2562. จากเว็บไซด์https://www.parentsone.com/5-ways-to-increase-your-babys-height/
  • “ปัจจัยที่มีผลต่อความสูงของเด็ก”. 26 มีนาคม 2019. จากเว็บไซด์https://www.vichaiyut.com/th/health/informations/tallsters-children/
  • ข้อดีของคนตัวสูง ส่วนสูงมีความสำคัญกับชีวิตของเรายังไง”. 28 ก.พ. 2016. จากเว็บไซด์ http://www.colostrumbkk.com/a_33247_15963_ข้อดีของคนตัวสูง-ส่วนสูงมีความสำคัญกับชีวิตของเรายังไง.htm
  • สาเหตุ ที่ทำให้เด็กขาดแคลเซียม”. ปลูกลูกรัก. จากเว็บไซด์ www.gh3tallplus.com/วิธีเพิ่มความสูง/5-reason-child-lack-calcium/
  • “รู้จักแคลเซียมให้ดีกว่าเดิม” https://www.bangkokhospital.com/content/calcium